เทคนิคหลังพิมพ์ ที่จะช่วยให้งานแพคเกจจิ้ง ดูดี มีเอกลักษณ์

   ให้แพคเกจจิ้งสวยโดดเด่น เติมนิด แต่งหน่อย ก็ทำให้แพคเกจจิ้งดูมี Value ด้วยเทคนิคที่หลากหลายรูปแบบ ให้เลือกแต่งเติม เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ และน่าจดจำ
   ในปัจจุบันงานพิมพ์มีมากมากมายบนท้องตลาด โดยเฉพาะแพคเกจจิ้ง นอกจากการบรรจุสินค้าแล้ว ยังเป็นการให้ข้อมูลของสินค้าอย่างครบถ้วน น่าเชื่อถือ และยังเป็นการบ่งบอกภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เราจะเห็นได้ว่าแพคเกจจิ้งตามท้องตลาดจะมีความแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นเนื้อผิวสัมผัสที่มีความแวววาว หรือเนื้อผิวที่มีความแมทท์ ของแพคเกจจิ้ง และที่เห็นเด่นชัดคือ เทคนิคหลังการพิมพ์ ที่อยู่บนแพคเกจจิ้ง ที่นอกจากให้ความสวยงาม แต่ยังช่วยปกป้องแพคเกจจิ้งให้ยังคงสภาพที่สวยงาม เช่น การกันน้ำ การป้องกันรอยขีดข่วน เป็นต้น   
 
เทคนิคหลังงานพิมพ์ที่นิยมบนงานแพคเกจจิ้ง จะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

การเคลือบเงา/เคลือบด้าน

   ขอบอกก่อนว่าการเคลือบนั้น มีหลากหลายรูปแบบมาก โดยการเคลือบจะมี เคลือบ PVC หรือ ลามิเนต, เคลือบวานิช, เคลือบUV และ เคลือบวอเตอร์เบส แต่ละแบบก็มีความแตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน 

  • การเคลือบ UV คือ การใช้น้ำยา UV เคลือบบนผิวงานพิมพ์ แล้วอบผ่านแสง UV เพื่อให้แห้ง มีทั้งแบบด้าน และแบบเงา แต่ที่นิยมคือการเคลือบ UV เงา เพราะให้ความเงาวาว อย่างเห็นได้ชัด  แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและยา เพราะจะมีกลิ่นเหม็นจากน้ำยา UV

  • การเคลือบ PVC หรือ ลามิเนต คือ การใช้ความร้อนรีดแผ่นฟิล์มแผ่นบางๆ ให้ติดบนงานพิมพ์ มีทั้งฟิล์มแบบเงา และ ฟิล์มแบบด้าน ข้อดีคือ ช่วยในการกันความชื้น และ กันน้ำได้ดี และยังช่วยเพิ่มความหนาและความแข็งแรงให้กับงานพิมพ์ได้อีกด้วย

  • การเคลือบวานิช คือ การเคลือบโดยการใส่น้ำมันวานิชลงไปในรางหมึกพิมพ์ แล้วปล่อยให้เคลือบผิวกระดาษ ช่วยป้องกันการเสียดสีของงาน แต่ความเงาของวานิชจะเงาไม่มาก
  • การเคลือบ วอเตอร์เบส คือ การเคลือบลงบนผิวกระดาษให้เงา จะมีความเงาที่เป็นธรรมชาติ แต่จะไม่มันวาวเท่าการเคลือบชนิดอื่น การเคลือบชนิดนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  

การเคลือบเฉพาะจุด (Spot UV)

   คือ การเคลือบโดยใช้น้ำยา UV เคลือบเฉพาะจุดที่ต้องการ เป็นการเน้นจุดสำคัญบนงานแพคเพคเกจจิ้ง เช่น ตัวหนังสือ โลโก้ หรือจะเป็นรูปภาพต่างๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่น โดยทั่วไปจะนิยมเคลือบ PVC ด้านก่อน แล้วลง Spot UV ทับ เพื่อให้จุดที่ Spot UV มีความเงาโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มีความตัดกันกับพื้นผิวที่แมทท์

การปั๊มเค (Hot Stamp)

  คือ การใช้ความร้อนละลายฟอยล์ ที่อยู่บนแผ่นพลาสติก ทับลงบนงานพิมพ์ จึงเรียกอีกอย่างว่า Hot Stamp ก็คือการปั๊มโดยใช้ความร้อนนั่นเอง โดยฟอยล์จะมีหลายสีมาก เช่น สีเงิน สีทอง สีเขียว สีแดง สีทองแดง สีโรสโกลด์ และ ลายโฮโลแกรม เป็นต้น ผิวที่เคลือบจะมีความมันเงา วาวแบบผิวโลหะ โดยทั่วไปจะนิยมใช้สีเงิน และสีทอง เพราะสามารถใช้ได้ในทุกโอกาส และมีความหรูหรา และสีทองยังมีทองอีกหลายเฉดสีให้เลือกใช้อีกด้วย

   ดังนั้นการปั๊มเค จะทำให้งานดูมีความพรีเมียม และมีมูลค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะปั๊มบนกล่องแพคเกจจิ้ง นามบัตร การ์ดต่างๆ ก็จะทำให้งานออกมาดูดีอย่างแน่นอน

การปั๊มนูน และ การปั๊มจม

   คือการขึ้นรูปพื้นผิวของตัวแม่พิมพ์ให้นูนขึ้นแล้วกดทับที่กระดาษ เพื่อเพิ่มความนูน หรือความจม ให้กับกระดาษ เพื่อให้สามารถมองเห็นพื้นผิวที่นูนขึ้น หรือลึกลงไป ทำให้งานที่มีมิติ โดยทั่วไปจะนิยมทำตรงตัวอักษร โลโก้ หรือบริเวณที่ต้องการเน้น เพิ่มความคมชัดและผิวสัมผัสให้กับพื้นผิว โดยด้านหนึ่งจะนูนขึ้นมา ส่วนอีกด้านจะเห็นเป็นรอยกดของกระดาษ ซึ่งจะเป็นด้านหลัง จะมีมีผลต่อการใช้งาน 

การเคลือบ UV Drip off 

   คือ การเคลือบแบบให้ผิวสัมผัสเหมือนเม็ดทราย หรือกากเพชร กลิตเตอร์ บนกระดาษ การเคลือบชนิดนี้สามารถเคลือบแบบเว้นจุด หรือเฉพาะจุดได้ ส่วนมากจะนิยมเคลือบชนิดนี้บนกระดาษเมทัลไลท์ฟอยล์ เพราะจะมีความแวววาวสะท้อนแสงได้ดี และทำให้สินค้าดูแพง และมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น การเคลือบชนิดนี้ยังทนทานต่อการเสียดสี ขีดข่วน และป้องกันรอยนิวมือได้ดีอีกด้วย

สนใจผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง สติกเกอร์ รวมไปถึงระบบ CRM เก็บฐานข้อมูลลูกค้า ติดต่อ 02-875-1799

หรือคลิกด้านล่างเลยค่ะ